1-เด็กสาวชาวปากีสถานวัย 12 ปีถูกลักพาตัวไปข่มขืน และถูกบังคับให้แต่งงานกับชายที่ลักพาตัวมา แถมถูกล่ามโซ่ให้อยู่ในคอกวัวนานกว่า 6 เดือน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปล่อยคนร้ายไป เพราะเชื่อว่าเด็กวัย 12 ยินดีแต่งงานกับชายคนดังกล่าวด้วยเจตจำนงเสรีของเธอเอง…แล้วเคสนี้ไม่ใช่เคสแรกของเหตุการณ์ลักษณะนี้ในปากีสถาน
2-พ่อของเด็กสาววัย 12 คนนี้เล่าว่า เธอถูกลักพาตัวไปจากบ้านที่ Faisalabad โดยที่ไปพบอีกทีอยู่ที่เมืองอื่นซึ่งไกลออกไปกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งลูกสาวเขาถูกขังไว้เยี่ยงทาส ให้ทำงานโดยมีโซ่คล้องที่เท้า อีกทั้งยังถูกข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนร้าย และถูกบังคับให้เปลี่ยนศาสนาไปเป็นอิสลาม… และยังบอกอีกว่า เมื่อเขาไปแจ้งตำรวจ ตำรวจกลับไม่ลงบันทึกใด ๆ แต่กลับมีการพูดถึงเรื่องเชื้อชาติศาสนาของเขา ข่มขู่เขา และเลือกปฏิบัติเพียงเพราะเขาเป็นคริสตชนคนกลุ่มน้อย

3-ซึ่งสุดท้ายแล้วคดีนี้ก็ได้รับการพิจารณาโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของรัฐสภา ให้คนร้ายพ้นความผิด เพราะเด็กสาวสารภาพกับผู้พิพากษาว่าเธอยินยอมแต่งงานกับนาย Khizer Hayat เอง ในขณะที่อีกฝั่งมีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าเด็กสาวคนนี้อายุ 16 แล้วที่ศาลเองก็รับรอง
4-ในขณะที่พ่อของเธอได้แต่ปฏิเสธข้อสรุปคดีดังกล่าว และโต้แย้งคำตัดสินของศาลด้วยการแสดงเอกสารสูติบัตรของลูกสาวที่ยืนยันว่าเธออายุเพียง 12 เท่านั้น แต่เสียงร่ำร้องของเขาก็เบาเหลือเกิน ในสังคมที่ให้คุณค่าชีวิตผู้หญิงต่ำต้อย และมีมาตรฐานความชอบธรรมที่ตัดสินให้บางศาสนาเป็นใหญ่เสมอ กว่าศาลจะรับพิจารณาเอกสารนั้นก็ผ่านไปนานหลายเดือน

5-เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่เด็กสาวต่างศาสนาในปากีสถาน ถูกลักพาตัวไปกักขัง ข่มขืน และบังคับให้แต่งงาน
ตามรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของปากีสถานในปี 2019 ระบุว่า ผู้หญิงชาวปากีสถานที่นับถือศาสนาคริสต์และฮินดูราว 1,000 คนถูกลักพาตัวไปแล้วจับแต่งงาน พร้อมเปลี่ยนศาสนาให้ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่เข้าไปยุ่ง เพราะถือเป็นเรื่องในครอบครัว
6-โดยก่อนหน้านี้ในปีเดียวกันก็มีเด็กหญิงวัย 16 จากครอบครัวชาวคริสต์ที่ Faisalabad ถูกลักพาตัวไป และถูกบังคับให้แต่งงานกับชายวัย 45 ปี ซึ่งสุดท้ายศาลก็ตัดสินให้เธอกลับไปอยู่กับชายคนร้ายที่ลักพาตัวเธอไป เพราะเธอแต่งงานแล้ว ในขณะที่เธอพยายามหลบหนีเพื่อกลับไปหาครอบครัวของเธอ

7-อีกทั้งยังมีเคสของ Maira Shahbaz เด็กสาวคาทอลิกที่ถูกลักพาตัวไปข่มขืน และบังคับให้แต่งงาน ซึ่งสุดท้ายเธอก็ถูกประณามข้อหาทำลายศาสนาด้วยการพยายามหนีจากการแต่งงานที่เธอถูกบังคับ ซึ่งในทางศาสนาอิสลามนั้นมีโทษถึงประหารชีวิต
8-ปัญหาคือปากีสถานมีช่องว่างสำหรับการก่ออาชญากรรมลักษณะนี้ ทั้งในบริบทของความเป็นสภาพสังคมที่สนับสนุนการ “เหยียดศาสนา” ซึ่งผู้คนศาสนาอื่นนอกจากอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติ จะมีสิทธิ์ มีศักดิ์ศรี และได้รับการคุ้มครองจากสังคมน้อยกว่า ทำให้พวกเขากลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแม้ระบบยุติธรรมที่มีความเป็นธรรม โดยเฉพาะชาวคริสต์ ที่มีเพียง 2.5 ล้านคนในประเทศที่มีมุสลิมถึง 223 ล้านคน
9-อีกทั้งยังมีช่องว่างที่ในเอื้อให้เกิดการก่ออาชญากรรมต่อเด็กผู้หญิง เพราะแม้ว่าตามกฎหมายแล้วผู้หญิงในปากีสถานจะสามารถแต่งงานได้เมื่ออายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ด้วยวัฒนธรรมและค่านิยมในสังคม กลับมีการสนับสนุนให้เด็กสาวอายุต่ำกว่า 16 แต่งงาน โดยเฉพาะในครอบครัวมุสลิมเอง ที่ต้องการให้ลูกสาวออกเรือนไวเพราะหากช้าไปจะเสี่ยงกับการสูญเสียพรหมจารีย์แล้ว

10-มีรายงานว่า 18% ของเด็กสาวชาวปากีสถานถูกจับแต่งงานก่อนอายุ 18 และอีก 4% ถูกจับแต่งงานก่อนอายุ 15 แม้แต่เด็กผู้ชาย 5% ในประเทศก็ถูกจับแต่งงานก่อนอายุ 18 เช่นกัน แต่มีอัตราน้อยกว่าผู้หญิงมาก เพราะคนปากีสถานมีความเชื่อว่าผู้หญิงนั้นด้อยกว่าผู้ชาย จึงสั่งสอนลูกสาวให้รู้จักปรนนิบัติรับใช้ผู้ชายเป็นหลัก อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าการที่เด็กสาวแต่งงานไว ทำให้ยังมีความหัวอ่อน สอนง่ายอยู่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความยากจน ซึ่งทำให้เกิดการให้ลูกแต่งงานเพื่อล้างหนี้ หรือขายลูกไปเป็นแรงงานราคาถูก
11-แต่ในขณะที่มีค่านิยมบิดเบี้ยวแบบนี้อยู่ในสังคม ทำให้เกิดการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และก่ออาชญากรรมต่อเด็ก ๆ มากมาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และศาลก็พร้อมที่จะตัดสินให้เด็กสาวเหล่านี้กลับไปอยู่กับครอบครัวสามี ที่เป็นคนร้ายลักพาตัวเธอมา และปฏิเสธที่จะฟังเสียงเรียกร้องของครอบครัวเด็กผู้เป็นชนกลุ่มน้อยคนต่างศาสนา
12-โดยแม้นายกรัฐมนตรีของปากีสถานจะออกมารับปากว่าจะจัดการเรื่องคดีแบบนี้ และดูแลเรื่องความเป็นธรรมให้มากขึ้น แต่เหล่านักเคลื่อนไหวต่าง ๆ นักสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง John Pontifex จากองค์กรคาทอลิก Aid to the Church in Need f ดูเหมือนจะมีความหวังมากกว่า กับการมุ่งไปขอความช่วยเหลือกับสหราชอาณาจักร ที่เป็นผู้ส่งเงินช่วยเหลือประเทศปากีสถานอยู่ ให้มีการรับเด็กสาวในคดีเหล่านี้ให้ได้ลี้ภัย และมีการกดดันรัฐบาลปากีสถานให้จัดการเรื่องเหล่านี้จริง ๆ เสียที
อ้างอิงข้อมูล
1- https://en.wikipedia.org/wiki/Child_marriage_in_Pakistan