ความเชื่อใน “ความไม่เท่าเทียม” ทำให้เกิดการสนับสนุนให้มีการ “ละเมิดสิทธิมนุษยชน” แทนที่จะรักษาไว้เผื่อตนเอง
มาจากความมั่นใจอย่างสุดโต่ง ว่าตนเป็นผู้มีอภิสิทธิ์ในระบอบอำนาจนิยม จนไม่ต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรมใดตามมาตรฐานของคนทั่วไป
ป้ายกำกับ: การเมือง
คนที่มีบุคลิกแบบ “เผด็จการ” ไม่ว่าจะเชียร์ม็อบไหนก็เป็นทาสอำนาจนิยมและมนุษยธรรมมีปัญหาอยู่ดี
ไม่ว่าจะฝักใฝ่ขั้วการเมืองใด “คนเผด็จการ” มักมีโลกทัศน์เป็นสี “ขาว” และ “ดำ” แบบชัดเจน ทั้งยังโหยหา “อำนาจนิยม” เพื่อให้พวกเขายึดไว้ และใช้มันฟาดใครก็ตามที่รุกราน “อัตตา” ของพวกเขา
Don’t kill me with your Ego. สิ่งที่ทำลายอนาคตของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง คือ “อีโก้” สูงลิ่ว และ “ภาพลวงตาเชิงบวก” ของคนรุ่นก่อนที่ไม่ยอมปล่อยมือจากอำนาจในการควบคุมโลก
ความจริงแล้วมนุษย์ทุกคนสามารถตกอยู่ในความยึดติด “ภาพลวงตาเชิงบวก” ของตัวเองได้ทั้งนั้น
แต่อันตรายคือการที่ภาพลวงตาจากอีโก้อันสูงลิ่วของคนไม่กี่คน มีผลต่อความเป็นความตาย และคุณภาพชีวิตของคนหมู่มาก โดยเฉพาะหากในสังคมนั้นไม่มีระบบคอยคานอำนาจ หรือตรวจสอบไม่ให้ “อีโก้” เหล่านี้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
ไม่แปลกที่สังคมอุดม “อำนาจนิยม” จะเต็มไปด้วย “พ่อแม่ที่เป็นพิษ” และค่านิยม normalize การทารุณกรรมเด็ก…เพราะคนที่ถูกเลี้ยงมาด้วย “ความกลัว” ย่อมป้อนสิ่งเดียวกันต่อคนรุ่นถัดไป
เหยื่อของพ่อแม่เป็นพิษที่เลี้ยงดูลูกด้วยความกลัว เมื่อโตขึ้นกลายเป็นพ่อแม่คน เป็นครูสอนนักเรียน เป็นผู้กำหนดหลักสูตรการศึกษา เป็นรัฐมนตรีที่ดูแลการศึกษาและเยาวชน เป็นผู้นำประเทศ ฯลฯ
จึงส่งต่อ “วิธีสร้างคน” แบบที่เคยสร้างพวกเขามาไปยังรุ่นถัดไป
ชวนดูซีรีส์ “Young Royals” เมื่อมกุฏราชกุมารแห่งสวีเดนต้องมาเรียนไฮสคูลร่วมกับสามัญชน… คนที่ไม่อยากให้สังคม “เท่าเทียม” คือพวกที่อยากฉกฉวยผลประโยชน์จากช่องโหว่แห่งความเหลื่อมล้ำ
ทัศนคติแห่งความเสมอภาคที่มาจากการได้รับการสนับสนุนดูแลจากรับอย่างเท่าเทียม จนเกิดการตระหนักถึงความเสมอภาคที่จับต้องได้ของชาวสวีเดน จึงทำให้คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องสปอยล์ลูกคนรวย แม้แต่ลูกกษัตริย์ก็ตาม และจะไม่สอนให้ลูกตัวเองศิโรราบให้กับอำนาจนิยมที่แสนไร้ประโยชน์ในสังคมที่ความเท่าเทียมและความเป็นธรรมไม่ได้มีราคาแพง
จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน รัฐสวัสดิการไม่ใช่พ่อแม่รังแกฉัน แต่เป็นหลักประกันให้เดินตามฝันอย่างมั่นใจ
หลายคนชอบดูถูกถากถางว่าถ้าเมืองไทยเป็นรัฐสวัสดิการ เช่น มีการแจก Universal Basic Income ให้ประชาชนทุกคนอย่างถ้วนหน้า ประชาชนจะขี้เกียจ ไม่ทำงานทำงาน เอาเงินที่รัฐแจกไปลงกับ สุรา นารี และการพนันไปเสียหมด บ้างก็เปรียบเทียบว่า รัฐสวัสดิการเหมือนพ่อแม่รังแกฉัน ที่ตามใจลูกจนเสียคน
ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า รู้ประวัติศาสตร์ ไม่เท่ากับ รักชาติ ตามที่เขาหลอกลวง
สิ่งหนึ่งที่เรางงมาตลอดคือ การได้ยินคนรุ่น Boomer, Gen X และ Gen Y (บางคน) พูดเสมอๆว่าเด็กสมัยนี้ไม่ใส่ใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย เลยไม่มีจิตสำนึกรักชาติบ้านเมือ เหมือนคนรุ่นพวกเขาเรางงว่าการศึกษาเรื่องราวในอดีตมันเกี่ยวอะไรกับความรักชาติด้วย?
เพราะโตมากับการถูกกดขี่ คนในยุคนี้จึงไม่ทนอีกต่อไป… บาดแผลจากความไม่เป็นธรรมในวัยเด็ก และการจัดการกับบาดแผลนั้น ส่งผลต่อทัศนคติทางการเมืองและระดับมนุษยธรรมของมนุษย์
เด็กที่ถูกกดขี่มาตลอดชีวิตจนเซนซิทีฟกับ “ความไม่เป็นธรรม” เป็นพิเศษ
กำลังทวงคืนความเป็นธรรม และชดใช้ให้ตัวเองในรูปแบบที่คนรุ่นพ่อแม่ไม่เคยกล้าหาญพอจะทำ
ตีเช็คเปล่าให้ควาย หวังร่วมรัฐบาลแห่งชาติ?
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกจากทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ได้ทำการพิจารณางบประมาณที่ตัดลดจากหน่วยงานต่าง ๆ มูลค่าประมาณ 16000 ล้านบาท ว่าจะนำไปใช้เพื่ออะไร
มายเซ็ต “บ้าความสำเร็จ” แบบไลฟ์โค้ชไทยทำลายสังคมได้มากกว่าที่คิด เพราะแก่นคือการส่งเสริมให้คนฉกฉวยผลประโยชน์จากความเหลื่อมล้ำ และมองข้ามปัญหาเชิงระบบ
ในขณะที่ไลฟ์โค้ชเหล่านี้พร่ำสอนเรื่อง “กฎแรงดึงดูด” ที่จำเป็นต้องเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและโลกได้โดยเริ่มต้นจาก “ความคิด” แต่กลับสอนให้ผู้คนดูถูกพลังของตัวเอง ไม่ให้เชื่อว่าเสียงของทุกคนนั้นมีคุณค่าที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม